2. งบประมาณ (budget)
การกำหนดงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการวิจัย
ควรบ่างเป็นหมวดๆ ว่าแต่ละหมวดจะใช้งบประมาณเท่าใด การแบ่งหมวดค่าใช้จ่ายทำได้หลายวิธี
ตัวอย่างหนึ่งของการแบ่งหมวด คือ แบ่งเป็น 8 หมวดใหญ่ๆ ได้แก่
12.1 เงินเดือนและค่าตอบแทนบุคลากร
12.2 ค่าใช้จ่ายสำหรับงานสนาม
12.3 ค่าใช้จ่ายสำนักงาน
12.4 ค่าครุภัณฑ์
12.5 ค่าประมวลผลข้อมูล
12.6 ค่าพิมพ์รายงาน
12.7 ค่าจัดประชุมวิชาการ เพื่อปรึกษาเรื่องการดำเนินงาน หรือเพื่อเสนอผลงานวิจัยเมื่อจบโครงการแล้ว
12.8 ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม แหล่งทุนสนับสนุนการวิจัยแต่ละแห่งอาจกำหนดรายละเอียดของการเขียนงบประมาณแตกต่างกัน
ผู้ที่จะขอทุนวิจัยจึงควรศึกษาวิธีการเขียนงบประมาณของแหล่งทุนที่ตนต้องการขอทุนสนับสนุน
และควรทราบถึงยอดเงินงบประมาณสูงสุดต่อโครงการที่แหล่งทุนนั้นๆ
จะให้การสนับสนุนด้วย เนื่องจากถ้าผู้วิจัยตั้งงบประมาณไว้สูงเกินไป
โอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนก็จะมีน้อยมาก
13. เอกสารอ้างอิง (references) หรือ บรรณานุกรม (bibliography)
ตอนสุดท้ายของโครงร่างการวิจัย จะต้องมี เอกสารอ้างอิง หรือรายการอ้างอิง
อันได้แก่ รายชื่อหนังสือ สิ่งพิมพ์อื่น ๆ โสตทัศนวัสดุ ตลอดจนวิธีการ
ที่ได้ข้อมูลมา เพื่อประกอบ การเอกสารวิจัยเรื่องนั้น ๆ รายการอ้างอิง
จะอยู่ต่อจากส่วนเนื้อเรื่อง และก่อนภาคผนวก โดยรูปแบบที่ใช้ควรเป็นไปตามสากลนิยม
เช่น Vancouver
Style หรือ APA(American Psychological Association) style
สิ่งที่นิยมเอาไว้ที่ภาคผนวก
เช่น แบบสอบถาม แบบฟอร์มในการเก็บหรือบันทึกข้อมูล เมื่อภาคผนวก มีหลายภาค
ให้ใช้เป็น ภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ฯลฯ แต่ละภาคผนวก ให้ขึ้นหน้าใหม่
ประวัติของผู้วิจัย เป็นข้อมูลที่ผู้ให้ทุนวิจัยมักจะใช้ประกอบการพิจารณาให้ทุนวิจัย
ซึ่งถ้ามีผู้วิจัยหลายคนก็ต้องมีประวัติของผู้วิจัยที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ
ทุกคนซึ่งต้องระบุว่า ใครเป็นหัวหน้าโครงการ ใครเป็นผู้ร่วมโครงการในตำแหน่งใด และใครเป็นที่ปรึกษาโครงการ
หรือตัวอย่างของการทำ >>> ตารางปฏิบัติงานโดยใช้ Gantt Chart
ประวัติผู้ดำเนินการวิจัย
ควรประกอบด้วยประวัติส่วนตัว (เช่น อายุ เพศ การศึกษา) ประวัติการทำงาน
และผลงานทางวิชาการต่างๆ
-------------------------------------------------
บุญเสริม วีสกุล. (2517). สถิติตอนที่
1 : วิธีเก็บและประมวลผลข้อมูล. กรุงเทพฯ:
ไทยวัฒนาพานิช.
พจน์ สะเพียรชัย. (2516).
หลักเบื้องต้นสำหรับการวิจัยทางการศึกษา เล่ม 1. กรุงเทพฯ:
วิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร
พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2538).
วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 6 ). กรุงเทพฯ:
ภิรมย์ กมลรัตนกุล.(2547).หลักการวิจัยทางการแพทย์.ใ (ระบบออนไลน์). แหล่งที่มา
โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (25
พฤศจิกายน 2547)
สุชาติ ประสิทธิ์รัฐสินธุ์. (2538).
ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ:
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
Ackoff, R. L. (1953). The design of
social research. Chicago : The University of Chicago Press.
Babbie, E. (1986). The practice of social
research. (4th ed.). Belmont , CA : Wadsworth
Publishing.
Baker, T. L. (1994). Doing social
research (2nd ed.). Singapore : McGraw-Hill, Inc.
Blalock, H. M. (1972). Social statistics. (2nd
ed.). Tokyo :
Tosho Printing Co., Ltd.
Hoinville, G., & Jowell, R. (1978).
Survey research practice. London :
Heinemann Educational Books Ltd.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น